Englishบริษัท ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ได้ออกมายอมรับแล้วว่าได้เคยใช้เทคโนโลยีของ OpenAI จริง แต่อยู่ในกรอบของข้อกำหนดในการให้บริการของบริษัทในสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้มีรายงานจากสื่อฝั่งสหรัฐฯ ว่า ByteDance แอบใช้เทคโนโลยีของ OpenAI ไปสร้างโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ของตัวเอง ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎ
ByteDance แอบใช้เทคโนโลยีของ OpenAI จริง แต่อยู่ในกรอบของข้อกำหนด
แถลงการณ์จาก ByteDance ที่ส่งไปถึง South China Morning Post เมื่อวันอาทิตย์ (17 ธันวาคม) ระบุว่า เมื่อบริษัทเริ่มสำรวจแนวทางการพัฒนาโมเดลภาษาของตัวเอง วิศวกรกลุ่มเล็กๆ ได้ใช้บริการ API ของ OpenAI ในการสร้างโมเดลทดลอง ซึ่งไม่ได้มีแผนจะเปิดตัวต่อสาธารณะ และได้หยุดกระบวนการไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษาน โดย ByteDance ยังกล่าวว่าหลังจากนั้น ทีมวิศวกรยังคงใช้ API ของ OpenAI ควบคู่ไปกับโมเดลของ Third Party เจ้าอื่นๆ ในขอบเขตที่จำกัดมาก และใช้เพื่อจุดประสงค์นการประเมิน/ทดสอบ เช่น การเปรียบเทียบ Benchmark
โฆษกของ ByteDance เผยว่าบริษัทได้ใช้ APIs ของ GPT อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบและเงื่อนไขการใช้งานของ OpenAI และ Microsoft เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ต่างๆ ในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากบริการของ OpenAI ไม่สามารถใช้งานในจีนได้
อย่างไรก็ตาม ByteDance ได้เปิดตัว AI Chatbot ชื่อ Doubao ลักษณะคล้าย ChatGPT ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะในจีนเท่านั้น โดยบริษัทยืนยันว่าใช้โมเดลภาษาที่พัฒนาขึ้นเอง
ChatGPT กำลังสอบสวนเพิ่มเติม
ด้าน OpenAI เจ้าของ ChatGPT กล่าวว่า ได้ระงับการเข้าถึงโปรแกรมจากทาง ByteDance แล้วตอนนี้ และกำลังอยู่ในระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหากพบการละเมิดกฎอาจลงโทษถึงขั้นปิดบัญชี
สงครามปัญญาประดิษฐ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในยุคปัจจุบัน โดยบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ต่างพยายามเร่งพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของตนเองเพื่อแข่งขันกันในตลาดโลก การแข่งขันที่ดุเดือดนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในอนาคต แต่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมและมนุษยชาติได้เช่นกัน
สรุปประเด็นสำคัญคือ ByteDance ยอมรับว่าได้ใช้เทคโนโลยีของ OpenAI จริง แต่อยู่ในกรอบของข้อกำหนดในการให้บริการของบริษัทในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม OpenAI ยังคงระงับการเข้าถึงโปรแกรมจาก ByteDance และกำลังสอบสวนเพิ่มเติม หากพบว่า ByteDance ละเมิดกฎจริง อาจลงโทษถึงขั้นปิดบัญชี
