
ในยุคดิจิทัลที่การมีตัวตนบนโลกออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญ WordPress ได้กลายเป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโค้ด ด้วยระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ใช้งานง่าย คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่เว็บไซต์ส่วนตัว เว็บไซต์องค์กร ไปจนถึงร้านค้าออนไลน์
วันนี้ A8digital ผู้รับทำ SEO ที่มีประสบการณ์การใช้ WordPress มาอย่างยาวนาน เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจทุกแง่มุมของ WordPress ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการใช้งานขั้นสูง พร้อมแนะนำวิธีการเลือกใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ให้เหมาะกับความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพได้อย่างมืออาชีพ
WordPress.org ต่างกับ WordPress.com อย่างไร
WordPress.org และ WordPress.com มีความแตกต่างที่สำคัญในด้านการควบคุมและความยืดหยุ่น WordPress.org เป็นแพลตฟอร์มแบบ self-hosted ที่ให้อิสระในการปรับแต่งเว็บไซต์อย่างเต็มที่ โดยคุณต้องจัดการโฮสติ้งเอง ในขณะที่ WordPress.com เป็นแพลตฟอร์มสำเร็จรูปที่มีโฮสติ้งให้พร้อมใช้งาน แต่มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและฟีเจอร์ต่าง ๆ
ใช้ WordPress ดียังไง ทำไมใคร ๆ ก็เลือกใช้
WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการสร้างเว็บไซต์ เนื่องจากมีข้อดีหลายประการที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด มาดูกันว่า WordPress มีจุดเด่นอะไรบ้าง
WordPress สามารถใช้งานได้ฟรี
WordPress เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ในการใช้งานระบบหลัก ซึ่งนับเป็นข้อดีสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์โดยไม่ต้องลงทุนสูง ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์พื้นฐานทั้งหมดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มีเพียงค่าใช้จ่ายเสริมเท่านั้นที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าโดเมน ค่าโฮสติ้ง หรือธีมและปลั๊กอินพรีเมียมที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม
นอกจากนี้ WordPress ยังมีชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่ที่คอยพัฒนาธีมและปลั๊กอินฟรีให้เลือกใช้มากมาย ทำให้ผู้ใช้สามารถขยายฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมถึงมีแหล่งเรียนรู้และคู่มือการใช้งานฟรีมากมายบนอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้สามารถศึกษาและพัฒนาทักษะการใช้งาน WordPress ได้ด้วยตนเอง
มีฟีเจอร์ให้เลือกใช้งานหลากหลาย
WordPress มีฟีเจอร์ที่หลากหลายและยืดหยุ่นสำหรับการสร้างเว็บไซต์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบล็อก เว็บไซต์องค์กร ร้านค้าออนไลน์ หรือพอร์ตโฟลิโอ โดยมีระบบปลั๊กอินที่สามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานได้ไม่จำกัด เช่น ระบบการชำระเงิน ฟอร์มติดต่อ แกลเลอรี่รูปภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ WordPress ยังมีระบบธีมที่หลากหลาย ให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเขียนโค้ด และสามารถปรับแต่งธีมให้เข้ากับแบรนด์หรือความต้องการเฉพาะได้ผ่านตัวปรับแต่งที่ใช้งานง่าย
ที่สำคัญ WordPress รองรับการทำงานแบบ Responsive Design ทำให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลได้อย่างสวยงามบนทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน และยังมีระบบการจัดการผู้ใช้งานที่ยืดหยุ่น สามารถกำหนดบทบาทและสิทธิ์การเข้าถึงที่แตกต่างกันได้
ใช้ทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
WordPress มีคุณสมบัติที่เอื้อต่อการทำ SEO (Search Engine Optimization) อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟีเจอร์พื้นฐานที่ช่วยในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหา เช่น การกำหนด Meta Title และ Meta Description ได้อย่างง่ายดาย การสร้าง URL ที่เป็นมิตรกับ SEO และการจัดการโครงสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังมีปลั๊กอิน SEO ยอดนิยมอย่าง Yoast SEO และ Rank Math ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง SEO ได้อย่างละเอียด มีระบบวิเคราะห์และให้คำแนะนำในการปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมกับ SEO รวมถึงการสร้าง XML Sitemap โดยอัตโนมัติ การปรับแต่ง Schema Markup และฟีเจอร์ขั้นสูงอื่นๆ ที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนเครื่องมือค้นหาได้ดียิ่งขึ้น
WordPress ยังมีความเร็วในการโหลดหน้าเว็บที่ดี และสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยปลั๊กอินเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ เช่น การบีบอัดรูปภาพ การแคช และการปรับแต่ง code optimization ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการทำ SEO สมัยใหม่
ใช้งานได้อย่างสะดวกจากการมีแถบเครื่องมือที่เข้าใจง่าย
WordPress มีส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยมีแถบเครื่องมือที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบและเข้าใจได้ทันที แม้ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาเว็บไซต์มาก่อน ระบบหลังบ้านถูกออกแบบให้มีเมนูที่เป็นหมวดหมู่ชัดเจน ทั้งส่วนของการจัดการเนื้อหา การตั้งค่าต่างๆ และการจัดการระบบ
นอกจากนี้ Block Editor ที่ใช้ในการสร้างและแก้ไขเนื้อหายังมีระบบลากและวาง (drag-and-drop) ที่ช่วยให้การจัดวางองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าเว็บทำได้อย่างสะดวก พร้อมกับมีตัวอย่างการแสดงผลแบบ real-time ที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีก่อนที่จะเผยแพร่จริง
ส่วนการปรับแต่งธีมและการติดตั้งปลั๊กอินก็ทำได้เพียงไม่กี่คลิก มีระบบค้นหาและกรองที่ช่วยให้หาสิ่งที่ต้องการได้รวดเร็ว รวมถึงมีคำอธิบายและตัวช่วยที่ทำให้การตั้งค่าต่างๆ เป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อนสำหรับผู้ใช้ทุกระดับ
ขั้นตอนการสมัคร WordPress คู่มือเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ฉบับสมบูรณ์
การเริ่มต้นใช้งาน WordPress อาจดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสำหรับมือใหม่ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเราได้รวบรวมขั้นตอนพื้นฐานที่จำเป็นทั้งหมดไว้ในคู่มือนี้แล้ว เริ่มจากการเลือกโดเมนและโฮสติ้ง ไปจนถึงการติดตั้งและตั้งค่าเริ่มต้น มาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง
1. เลือกซื้อโดเมน
การเลือกโดเมนเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเว็บไซต์ WordPress โดเมนคือชื่อเว็บไซต์ของคุณที่ผู้ใช้จะใช้ในการเข้าถึง เช่น www.a8marketing.com ในการเลือกโดเมนที่ดี ควรคำนึงถึงหลักการต่อไปนี้
- เลือกชื่อที่จดจำง่าย สั้นกระชับ และสื่อถึงธุรกิจหรือเป้าหมายของเว็บไซต์
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหมายขีด (-) หรือตัวเลขที่ไม่จำเป็น
- เลือกนามสกุลโดเมนที่เหมาะสม (.com, .net, .org, .co.th) ตามลักษณะของเว็บไซต์
คุณสามารถซื้อโดเมนได้จากผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมนที่น่าเชื่อถือ เช่น GoDaddy, Namecheap หรือ Google Domains โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามนามสกุลโดเมนและระยะเวลาการจดทะเบียน ควรตรวจสอบว่าโดเมนที่ต้องการยังว่างอยู่และเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ผู้ให้บริการก่อนตัดสินใจซื้อ
2. เลือกใช้ Hosting
โฮสติ้ง (Hosting) คือบริการพื้นที่เซิร์ฟเวอร์สำหรับเก็บไฟล์เว็บไซต์ WordPress ของคุณ การเลือกผู้ให้บริการโฮสติ้งที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมากต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกโฮสติ้งประกอบด้วย ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ, ความเสถียรของระบบ, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล, แบนด์วิธ, และการรองรับการติดตั้ง WordPress แบบ one-click
ผู้ให้บริการโฮสติ้งชั้นนำที่แนะนำสำหรับ WordPress ได้แก่ Bluehost, SiteGround, และ HostGator ซึ่งทั้งหมดมีแพ็คเกจที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ WordPress พร้อมคุณสมบัติเช่น SSL ฟรี, การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ, และระบบความปลอดภัยขั้นสูง นอกจากนี้ยังมีทีมสนับสนุนที่พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้เลือกแพ็คเกจแบบพื้นฐานก่อน ซึ่งมักจะมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กถึงกลาง และสามารถอัพเกรดได้ในภายหลังเมื่อเว็บไซต์เติบโตขึ้น การเลือกโฮสติ้งที่มีศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้ในภูมิภาคนี้
3. สมัครและติดตั้ง WordPress
หลังจากที่คุณได้เลือกโฮสติ้งและโดเมนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการติดตั้ง WordPress ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ให้บริการโฮสติ้งจะมีระบบติดตั้งอัตโนมัติแบบ one-click install ที่ช่วยให้คุณติดตั้ง WordPress ได้อย่างง่ายดายภายในไม่กี่นาที โดยคุณเพียงแค่กรอกข้อมูลพื้นฐานเช่น ชื่อเว็บไซต์ ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบ WordPress
เริ่มต้นใช้งาน WordPress ฉบับมือใหม่
เมื่อคุณติดตั้ง WordPress เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้การใช้งานพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วยการสร้างเนื้อหา การจัดการหน้าเว็บ และการปรับแต่งรูปลักษณ์ของเว็บไซต์ มาดูกันว่ามีอะไรที่คุณควรรู้บ้าง
Post vs. Page
Post และ Page ใน WordPress มีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้
- Post (บทความ)
- เหมาะสำหรับเนื้อหาที่มีการอัพเดตสม่ำเสมอ
- แสดงผลตามลำดับเวลา (ใหม่ไปเก่า)
- สามารถจัดหมวดหมู่และติด tag ได้
- Page (หน้า)
- เหมาะกับเนื้อหาแบบคงที่ เช่น หน้าเกี่ยวกับเรา, ติดต่อเรา
- ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา
- สามารถจัดเรียงลำดับและทำเป็นโครงสร้างแบบลำดับชั้นได้
ขั้นตอนการสร้างโพสต์ด้วยตัวคุณเอง
การสร้างโพสต์ใน WordPress เป็นขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นสร้างเนื้อหาให้กับเว็บไซต์ของคุณ เริ่มจากการคลิกที่เมนู “Posts” ในแดชบอร์ด WordPress จากนั้นคลิก “Add New” เพื่อเริ่มสร้างโพสต์ใหม่ คุณจะพบกับหน้าตัวแก้ไขบล็อก (Block Editor) หรือที่เรียกว่า Gutenberg ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาได้อย่างยืดหยุ่นและสวยงาม
ในการสร้างโพสต์ คุณควรเริ่มจากการตั้งชื่อที่น่าสนใจและสื่อความหมาย จากนั้นเพิ่มเนื้อหาโดยใช้บล็อกต่างๆ เช่น บล็อกข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ, หรือแกลเลอรี่ คุณสามารถจัดรูปแบบเนื้อหาได้ตามต้องการ เช่น การจัดย่อหน้า, การเพิ่มหัวข้อย่อย, การทำลิสต์ หรือการเน้นข้อความสำคัญ
อย่าลืมเพิ่มรูปประจำโพสต์ (Featured Image) และเลือกหมวดหมู่ (Categories) รวมถึงแท็ก (Tags) ที่เหมาะสมเพื่อช่วยในการจัดระเบียบเนื้อหาและทำให้ผู้อ่านค้นหาบทความของคุณได้ง่ายขึ้น ก่อนเผยแพร่ ควรตรวจสอบการแสดงผลในโหมดพรีวิวเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างสมบูรณ์และพร้อมสำหรับการเผยแพร่
1. วิธีการใช้ Block Editor
Block Editor หรือ Gutenberg เป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหาแบบบล็อกที่มาพร้อมกับ WordPress ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาได้อย่างยืดหยุ่นและสวยงาม การใช้งานเริ่มจากการเลือกประเภทบล็อกที่ต้องการ เช่น ข้อความ, รูปภาพ, คอลัมน์ หรือ embed โดยคลิกที่ปุ่ม + หรือพิมพ์ / เพื่อค้นหาบล็อกที่ต้องการ
แต่ละบล็อกสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระผ่านแถบเครื่องมือที่ปรากฏเมื่อคลิกเลือกบล็อก ไม่ว่าจะเป็นการจัดรูปแบบตัวอักษร การปรับขนาด สี หรือการตั้งค่าพิเศษอื่นๆ ที่แต่ละบล็อกมีให้
2. วิธีการทำบล็อกให้ดีต่อ SEO
การทำให้บล็อกเนื้อหาเป็นมิตรกับ SEO เริ่มจากการใช้โครงสร้างหัวข้อ (H1-H6) อย่างเหมาะสม และการเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพโดยใช้คำสำคัญอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ควรใส่ใจกับการตั้งชื่อรูปภาพ, Alt text และ Meta description เพื่อให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดียิ่งขึ้น การใช้ปลั๊กอิน SEO อย่าง Yoast SEO หรือ Rank Math จะช่วยให้คุณปรับแต่งและตรวจสอบการทำ SEO ได้ง่ายขึ้น
วิธีการตั้งค่า Theme เบื้องต้น
ธีม (Theme) คือรูปแบบการแสดงผลหน้าตาของเว็บไซต์ WordPress ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายโดยไม่กระทบต่อเนื้อหา การเลือกและปรับแต่งธีมที่เหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าสนใจและเป็นมืออาชีพมากขึ้น มาดูวิธีการจัดการธีมกัน
วิธีการเลือก Theme
การเลือกธีมใน WordPress มีหลักการสำคัญที่ควรพิจารณา ได้แก่ การเลือกธีมที่เหมาะกับประเภทของเว็บไซต์ เช่น บล็อก, ร้านค้าออนไลน์, หรือพอร์ตโฟลิโอ และต้องคำนึงถึงการรองรับการแสดงผลบนอุปกรณ์มือถือ (Responsive Design) นอกจากนี้ ควรเลือกธีมที่มีการอัพเดตสม่ำเสมอและมีรีวิวที่ดีจากผู้ใช้งานจริง
การ Custom ธีม
การปรับแต่งธีมใน WordPress สามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ตัวปรับแต่งธีม (Theme Customizer) ที่มีมาให้ ซึ่งคุณสามารถปรับเปลี่ยนสี, ฟอนต์, โลโก้ และองค์ประกอบอื่นๆ ได้แบบ real-time โดยไม่ต้องเขียนโค้ด สำหรับการปรับแต่งที่ซับซ้อนขึ้น คุณอาจต้องใช้ Child Theme เพื่อป้องกันการสูญหายของการปรับแต่งเมื่อมีการอัพเดตธีมหลัก
วิธีการใช้งานปลั๊กอินโปรแกรม WordPress
ปลั๊กอินเป็นส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับเว็บไซต์ WordPress ของคุณ โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเอง มาทำความรู้จักกับปลั๊กอินและวิธีการใช้งานที่ถูกต้องกัน
ปลั๊กอิน (Plug-in) คืออะไร
ปลั๊กอิน (Plugin) คือโปรแกรมเสริมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานให้กับ WordPress โดยสามารถติดตั้งและเปิดใช้งานได้อย่างง่ายดายผ่านแผงควบคุม WordPress ปลั๊กอินช่วยให้คุณสามารถเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ เช่น ระบบความปลอดภัย, การสำรองข้อมูล, การทำ SEO, หรือแม้แต่การสร้างฟอร์มติดต่อ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด
ปลั๊กอิน (Plug-in) ที่ควรรู้จัก
ปลั๊กอินสำคัญที่ผู้ใช้ WordPress ควรรู้จักมีหลายตัว เช่น Yoast SEO สำหรับการทำ SEO, WooCommerce สำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์, Wordfence สำหรับการรักษาความปลอดภัย และ WP Super Cache สำหรับเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังมี Contact Form 7 สำหรับสร้างฟอร์มติดต่อ และ Elementor สำหรับการออกแบบหน้าเว็บแบบลากและวาง
WordPress คือเว็บเพิ่มประสิทธิภาพและปรับแต่งเว็บไซต์ แบบไม่ต้องเขียนโค้ด
WordPress ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด สามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้ผ่านหน้าจัดการที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ ด้วยระบบบล็อกและเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ทำให้การสร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้
สรุป
WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก โดดเด่นด้วยความสามารถในการสร้างเว็บไซต์แบบไม่ต้องเขียนโค้ด ผู้ใช้สามารถเลือกระหว่าง WordPress.org สำหรับการควบคุมอย่างเต็มที่ หรือ WordPress.com สำหรับการใช้งานแบบสำเร็จรูป การจัดการเว็บไซต์ทำได้ง่ายผ่านธีมที่หลากหลายและปลั๊กอินที่เพิ่มความสามารถต่างๆ เช่น SEO, ความปลอดภัย, และการสร้างร้านค้าออนไลน์
หากคุณมีความสนใจปรึกษาและวางแผนการทำเว็บไซต์ WordPress พร้อมบริการ SEO แบบมืออาชีพ สามารถเข้ามาติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับ A8digital ได้เลยวันนี้ คลิ๊ก ติดต่อที่นี่