5 SEO Tools แนะนำสำหรับสายงบน้อย
สำหรับสายทำ Inbound Marketing การทำ SEO ถือเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญที่ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าหาเราเจอ เพิ่มจำนวน Traffic ให้เว็บไซต์ และสุดท้ายสามารถทำให้ค่าใช้จ่ายในการหา Leads หรือค่าโฆษณาถูกลง ซึ่งบอกได้เลยว่าการจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ นอกจากความเข้าใจในแง่การทำคอนเทนต์ที่ดี มีคุณภาพแล้ว การอ่านค่าต่างๆ เพื่อวิเคาราะห์และวางกลยุทธ์ในการทำ SEO ก็สำคัญเช่นกัน แต่เครื่องมือสำหรับ SEO หรือ SEO Tools ที่มีให้ครบฟังก์ชั่นนั้นหลายตัวราคาแรงไม่เบา ดังนั้นถ้าคุณเป็น SEO สาย beginner อยากลองทำหรือมีโปรเจคท์ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ ซับซ้อน และมีจำนวนมาก วันนี้ A8Digital ขอพาไปรู้จักกับ SEO Tools สำหรับสายงบน้อย ที่ใช้ได้จริงและเหมาะกับกระเป๋าสตางค์ใบน้อยๆ ของเรา
Uber Suggest
คนเริ่มทำ SEO ส่วนมากต้องเคยได้ยินชื่อเจ้าพ่อ Niel Patel แน่ๆ เว็บไซต์ Uber Suggest นี้ถือเป็น SEO Tools ตัวแรกๆ ที่กูรู SEO ทั้งในไทยและต่างประเทศแนะนำ ด้วยความใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน และมีเครื่องมือจำเป็นต้องใช้สำหรับการทำ SEO ค่อนข้างครบ ทั้ง Onpage, Offpage และ Technical Checker โดย SEO Tools ตัวนี้ มีทั้งแบบที่ฟรี และแพ็คเกจแบบเสียเงิน ซึ่งแบบเสียเงินก็จะได้รับโควต้าสำหรับจำนวนผู้ใช้ จำนวนคีย์เวิร์ด จำนวนแคมเปญที่มากกว่า โดยราคาในปี 2023 สำหรับ Uber Suggest SEO Tools อยู่ที่
- Individual at $12.00 ต่อเดือน
- Business at $20.00 ต่อเดือน
- Enterprise / Agency at $40.00 ต่อเดือน
ถ้าคุณทำเว็บไซต์ส่วนตัวในหนึ่งวันวิเคราะห์คีย์เวิร์ดไม่เกิน 10 คำ ใช้แค่ SEO Tools ตัวนี้แบบ Free ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าคุณมีเว็บไซต์ในความรับผิดชอบจำนวนมาก ก็อาจขยับขึ้นมาซื้อแพ็คเกจที่ราคาแพงขึ้นเพื่อให้สามารถจัดการกับเว็บไซต์และคีย์เวิร์ดในจำนวนที่มากขึ้นได้
Google Keyword Planner
การทำ SEO เริ่มต้นที่การเลือก Keyword ที่เหมาะสม และคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมตามหลักการเลือก Keyword คือ Relevent, Authority และ High Search Volume ซึ่งในแง่ของความ Relevent และ Authority นั้น ตัวคนทำ SEO ต้องวิเคราะห์ด้วยตัวเองส่วนหนึ่ง แต่ในส่วนของความ Hight Search Volume เครื่องมือ Google Keyword Planner สามารถช่วยคุณได้ โดยเครื่องมือนี้จะเป็นเครื่องมือที่อยู่ใน Google Ads ถือเป็น Free Tool ตัวหนึ่งที่เมื่อคุณเปิดใช้งาน Google Ads เพื่อการซื้อ SEM (Search Engine Marketing) ของค่าย Google ก็สามารถใช้งาน Tools ตัวยนี้ได้แล้ว Google Keyword Planner ไม่เชิงเป็น SEO Tools เพราะหน้าที่หลักๆ ของมันคือการแสดงจำนวนการค้นหา Keyword นั้นๆ รวมถึงแนะนำ Keyword ที่เกี่ยวข้อง การแข่งขัน และราคา Bid ที่แข่งกันในปัจจุบัน เพื่อให้คนทำ SEM เลือกเอา Keyword ที่ดีที่สุดไปใช้ในการสร้างแคมเปญสำหรับ search Ads แต่ด้วยวิธีการที่คล้ายกัน Google Keyword Planner ก็สามารถนำมาใช้กับ SEO ในการเลือก Keyword ได้ และสามารถใช้งานได้ดีเช่นกัน แต่ข้อเสียของ Tools ตัวนี้คือบางครั้งอัปเดตจำนวน search ช้ากว่าเครื่องมือตัวอื่น และมีการ Detect คำที่ไม่ถูกต้องตามนโยบายของ Google หรือไม่ถูกกฎหมายออกไป
Google Search Console
หลังจากทำ SEO ด้าน Onpage คือการอัปเดตคอนเทนต์ขึ้นเว็บไซต์ไปแล้ว ก็ต้องมาติดตามดูว่าเว็บไซต์ของเรามีผลงานเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเครื่องมือในการติดตาม Performance ที่ง่ายที่สุดและไม่ต้องเสียเงินเพิ่มคือ Google Search Console ที่จะทำให้เราเห็นจำนวน Traffic จำนวนคล๊กในเว็บไซต์ อันดับ ranking หน้าที่คนเข้ามากที่สุดในช่วงเวลาที่เราเลือกให้มัน Report ขึ้นมา ซึ่งตัว Google Search Console เองก็คล้ายกับ Google Keyword Planner คือไม่ใช่ SEO Tools โดยตรง แต่เป็นเครื่องมือที่ใช้ดู Performance ของเว็บไซต์ ดังนั้นมันจึงสามารถใช้ในการเช็ค Core Web Vital และคุณภาพของเว็บไซต์ ทั้งด้าน Site Crawn ต่างๆ ของเว็บไซต์ แสดงหน้าที่มีการ Index แล้วหรือหน้าที่ยังไม่ได้ Index ซึ่งส่วนต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อ SEO ด้วยเช่นกัน จึงสามารถถือว่าเป็น SEO Tools ได้ และเดิม Search Console เป็นส่วนหนึ่งของ Google Analytic แต่ปัจจุบันสามารถแยกออกมาเดี่ยวๆ ได้ แต่ทั้ง 2 เครื่องมือนี้ยังทำงานร่วมกันอยู่เหมือนเดิม
SEMRush
ที่จริงแล้ว SEMRush ไม่ใช่ SEO Tools ราคาถูก เพราะมันเริ่มต้นที่เดือนละ 129 เหรียญ แต่มีตัว free ที่ใช้งานได้ใกล้เคียงกับการซื้อตัวเต็ม แต่มีจำนวนการแสดงผลที่จำกัดบางฟังก์ชั่นและไม่สามารถแทร็คกิ้งแคมเปญได้ แต่ถ้าคุณต้องการใช้ SEO Tools เพื่อ Audit บางเว็บไซต์ ดู Performance ของเว็บไซต์ตัวเองหรือคู่แข่ง เช็คแบ็คลิงค์ หรือคีย์เวิร์ดแรงค์กิ้งเบื้องต้น SEMRush ตัวฟรีก็ถือว่าตอบโจทย์ในแง่นี้ได้ค่อนข้างครบ รวมทั้งยังสามารถเช็คสุขภาพของ Website โดยรวมได้ค่อนข้างละเอียด
Ahref
เช่นเดียวกับ SEMRush เจ้า Ahref นี้ไม่ใช่เครื่องมือ SEO Tools ที่ราคาถูกมันมีค่าใช้จ่ายถ้าต้องการใช้งานแบบละเอียดครบทุกฟังก์ชั่น แต่ในขณะเดียวกัน Ahref ก็มีการเปิดให้ใช้ได้ฟรีในบางฟังก์ชั่นเช่นกัน โดยเฉพาะตัว Ahref Back-link Checker ที่ค่อนข้างเป็นตัวเช็คแบ็คลิงค์ที่ค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์ทำให้เราสามารถตรวจสอบค่าต่างๆ และแบ็คลิงค์ในปัจจุบันที่ลิงค์มาที่เว็บไซต์ของเราเองหรือแม้แต่แบ็คลิงค์ของเว็บคู่แข่งที่แสดงให้เห็นได้ง่ายๆ เพียงแค่ใส่ Domain ลงไป เจ้าเครื่องมือตัวนี้จะแสดงผลให้ทราบได้เลยว่าเว็บไซต์นั้นๆ มีค่า Domain Rating เท่าไหร่ และมีลิงค์ที่มาจากภายนอกกี่ลิงค์ จากเว็บไซต์ไหนบ้าง ซึ่งจะมีประโยชน์ในเวลาที่เราต้องการวางแผนการทำแบ็คลิงค์ให้กับเว็บไซต์ของเรานั่นเอง ส่วนใครสนใจอยากใช้ Ahref ในฐานะ SEO Tools แบบ Full Function ลองเข้าไปดูราคาแพ็คเกจ Ahref ได้เลย
การทำ SEO นั้นไม่ยากแต่ค่อนข้างเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมีปัจจัยหลายปัจจัยที่ทำให้การทำ SEO ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว SEO Tools ที่มีในปัจจุบันยังไม่มีตัวไหนที่ตอบโจทย์ในการทำ SEO ครบทุกข้อ ดังนั้นต้องเลือกใช้เลือกผสมให้เหมาะกับธุรกิจของคุร หรือถ้าอยากได้ผลด้าน Organic Marketing แต่ไม่สะดวกจะทำ SEO ด้วยตัวเอง ให้ A8Digital Agency ช่วยคุณได้นะ