SEO คืออะไร ทำงานอย่างไร?
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ปรากฏบนหน้าแรกของ Search Engine อย่าง Google, Bing, Yahoo โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา เป้าหมายหลักของ SEO คือ การดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและตรงกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ SEO เปรียบเสมือนการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของคุณให้เป็นที่รู้จัก โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา เมื่อผู้ใช้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ เว็บไซต์ของคุณจะปรากฏบนหน้าแรกของ SERP ช่วยให้มีโอกาสดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น
Search Engine ทำงานโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า “bots” คอยรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ทั่วโลก Bots เหล่านี้จะวิเคราะห์เนื้อหา โครงสร้าง และปัจจัยอื่น ๆ ของเว็บไซต์ เพื่อจัดอันดับความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้ค้นหาเปรียบเสมือนการจัดชั้นวางสินค้าในร้านค้า สินค้าที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม หาง่าย ย่อมดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อ Similarly เว็บไซต์ที่ปรับแต่ง SEO จะดึงดูดผู้ใช้ Search Engine ให้เข้ามาเยี่ยมชม
องค์ประกอบหลักของ SEO แบ่งออกเป็น 2 องค์ประกอบหลัก
1. On-Page SEO: หมายถึง การปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเอง
- การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด: ค้นหาคำหลักที่ผู้ใช้ค้นหาเมื่อต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ เปรียบเสมือนการค้นหาคำพูดที่ลูกค้าใช้ถามพนักงานขาย
- การเขียนเนื้อหา: เขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง น่าสนใจ และตรงกับคีย์เวิร์ดที่เลือก เนื้อหาเปรียบเสมือนสินค้าที่วางบนชั้นวาง
- การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์: จัดโครงสร้างเว็บไซต์ให้นำทางง่าย เปรียบเสมือนการจัดวางแผนผังร้านค้า
- การเพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิค: ปรับแต่งเว็บไซต์ให้โหลดเร็ว ใช้งานง่ายบนอุปกรณ์มือถือ เปรียบเสมือนการปรับอุณหภูมิ แสงสว่าง และความสะอาดภายในร้านค้า
2. Off-Page SEO: หมายถึง การสร้าง backlinks จากเว็บไซต์อื่น
- การสร้าง Backlinks: หาวิธีสร้าง backlinks จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เปรียบเสมือนการโฆษณาร้านค้าผ่านสื่อต่าง ๆ
- การใช้ Social Media: โปรโมทเว็บไซต์ของคุณบน Social Media เปรียบเสมือนการบอกต่อเพื่อน ๆ เกี่ยวกับร้านค้า
ประโยชน์ของ SEO
- เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์: ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและตรงกลุ่มเป้าหมาย เปรียบเสมือนการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาในร้านค้า
- สร้างโอกาสในการขาย: เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการ เปรียบเสมือนการนำเสนอสินค้าและโน้มน้าวใจให้ลูกค้าซื้อ
- สร้างแบรนด์ awareness: ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก เปรียบเสมือนการสร้างชื่อเสียงให้กับร้านค้า
- ประหยัดค่าโฆษณา: ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาบน Search Engine เปรียบเสมือนการประหยัดค่าโฆษณา
SEO เหมาะกับใคร?
SEO เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง หรือธุรกิจขนาดใหญ่ เหตุผลหลักคือ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกของ Search Engine โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา เช่น
- ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์: SEO ช่วยให้ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและตรงกลุ่มเป้าหมาย
- ธุรกิจที่ต้องการสร้างโอกาสในการขาย: SEO ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการ
- ธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์ awareness: SEO ช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก
- ธุรกิจที่ต้องการประหยัดค่าโฆษณา: SEO ช่วยให้ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาบน Search Engine
ขั้นตอนการทำ SEO
1. วิเคราะห์คีย์เวิร์ด: เริ่มต้นคิดถึงคำที่ผู้ใช้ค้นหาเมื่อต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ จากนั้นใช้ Keyword Planner Tool ของ Google เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีผู้ค้นหาจำนวนมาก แล้วเลือกคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ
2. เขียนเนื้อหา: ทำการเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง น่าสนใจ ตรงกับคีย์เวิร์ด และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ จากนั้นแบ่งเนื้อหาออกเป็นย่อหน้าสั้น ๆ ใช้งานง่าย ทำการใส่รูปภาพ วิดีโอ และ Infographic เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
3. ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์: ออกแบบเว็บไซต์ให้นำทางง่าย เมนูใช้งานสะดวก จากนั้นตั้งชื่อ URL ให้อธิบายเนื้อหาของหน้าเว็บ ทำการเพิ่ม Sitemaps.xml เพื่อช่วยให้ Bots ของ Search Engine เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์
4. เพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิค: ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็ว ลองปรับแต่งเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายบนอุปกรณ์มือถือ และอย่าลืมตรวจแก้ไขปัญหา Technical SEO Errors
5. สร้าง Backlinks หาวิธีสร้าง backlinks จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ จากนั้นยเขียน Guest Blog บนเว็บไซต์อื่น ทำการแชร์เนื้อหาของคุณบน Social Media
ตัวอย่าง: ร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์
- วิเคราะห์: ค้นหาคีย์เวิร์ด เช่น “เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง” เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้หญิงวัยทำงาน วิเคราะห์คู่แข่ง
- วางแผน: ตั้งเป้าหมายเพิ่มยอดขาย 10% เขียนบทความเกี่ยวกับแฟชั่น
- On-Page SEO: ใส่คีย์เวิร์ดในบทความ เขียน Meta Description ใส่วิดีโอ
- Off-Page SEO: เขียน Guest Blog แชร์บน Social Media
- วิเคราะห์ผล: ดูอันดับเว็บไซต์ วิเคราะห์ Traffic ปรับแต่งกลยุทธ์
SEO เป็นกระบวนการต่อเนื่อง ต้องใช้เวลาและความพยายาม จำเป็นต้องติดตามผล วิเคราะห์ข้อมูล และปรับแต่งกลยุทธ์ SEO อยู่เสมอ
เครื่องมือ SEO
- Google Search Console: เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา SEO
- Google Keyword Planner: เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยค้นหาคีย์เวิร์ด
- Ahrefs: เครื่องมือ SEO ที่ช่วยวิเคราะห์ Backlinks และ Keyword Research
- SEMrush: เครื่องมือ SEO ที่ช่วยวิเคราะห์ Traffic และ Keyword Research
การเริ่มต้น SEO อาจดูยุ่งยาก แต่มีเครื่องมือและแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยคุณ SEO เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ เพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างแบรนด์ awareness